วันพฤหัสบดีที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2551

ตอนจบของโดเรมอน




+++++ ตอนจบ +++++

บ่ายวันหนึ่ง ซึ่งก็เป็นวันธรรมดาเหมือนวันอื่นๆ ทั่วๆไป

โนบิตะกลับมาจากโรงเรียน และวิ่งขึ้นไปชั้น 2 ไปที่ห้องของเขา

โดเรมอน อยู่ในห้องนั้น และกำลังนอนอยู่ ซึ่งก็เป็นเหมือนปกติทุกๆวัน

"เฮ้ !! โดเรมอน ตื่นเถอะแล้วไปเล่นด้วยกัน "

โนบิตะชวน แต่โดเรมอนก็ยังไม่ตื่น โนบิตะคิดว่า โดเรมอน คงจะเหนื่อย ปล่อยให้นอนต่อไปดีกว่า ดังนั้นเขาจึงวิ่งออกไปเล่นข้างนอนกะชิซูกะและเพื่อนคนอื่นๆ 2-3 ชั่วโมงต่อมา โนบิตะก็กลับมาที่บ้านของเขา และโดเรมอนก็ยังคงนอนอยู่ โนบิตะเริ่มรู้สึกถึงบางสิ่งบางอย่างที่แปลกไป

"ปกติโดเรมอนไม่นอนนานอย่างนี้นี่นา "

เขาพยายามจะปลุกโดเรมอน แต่ก็ไม่มีการตอบสนองจากโดเรมอน โนบิตะเริ่มรู้สึกกลัว และพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อที่จะปลุกโดเรมอน แต่ไม่ว่าโนบิตะจะพยายามทำอย่างไรก็ตาม โดเรมอนก็ไม่ตื่น ถึงตอนนี้โนบิตะรู้ชัดเจนแล้วว่ามีบางอย่างแปลกไป ซึ่งสิ่งนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน โนบิตะเริ่มร้องไห้ แม้ว่าจะร้องไห้หรือตะโกนร้องอย่างไร เจ้าหุ่นยนต์รูปแมวตัวอ้วน ก็ไม่มีการเคลื่อนไหวแต่อย่างไร

แล้วโนบิตะก็เกิดความคิดขึ้นมา!! เขากระโดดลงไปในลิ้นชักโต๊ะของเขา, ใช่แล้วค่ะ ไทม์แมชชีนนั่นเอง โนบิตะใช้ ไทม์แมชชีน ไปในอนาคตไปหา โดเรมี น้องสาวของโดเรมอน โนบิตะไปขอความช่วยเหลือจากโดเรมี และพาเธอกลับมากับเขากลับมาในปี 1998

หลังจากนั่ง ไทม์แมชชีน กลับมายัง ปี 1998โดเรมีก็ไปตรวจ ระบบต่างๆ ในตัวของโดเรมอน เพื่อตรวจสอบว่ามีอะไรผิดปกติเกิดขึ้นกับโดเรมอน-พี่ชายของเธอ หลังจากนั้นไม่นาน โดเรมีก็บอกว่า

"แบตเตอรี่ของโดเรมอนหมด"

โนบิตะได้ยินดังนั้นก็โล่งใจ และบอกกับโดเรมีว่า

"แบตเตอรี่หรือ?? โดเรมอนไม่ได้เสียหายอย่างอื่นใช่ไหม งั้นจะรีรออะไรอยู่ล่ะ ก็เปลี่ยนแบตเตอรี่ใหม่ให้เขา และทำให้โดเรมอนตื่นกลับมาเหมือนเดิมสิ" แต่ ..โดเรมี ส่ายหัวและพูดขึ้นว่า

"โนบิตะซัง ฉันควรทำอย่างนั้นเหรอ??"

"อะ... อะไรนะ โดเรมี เธอหมายความว่ายังไง???"

โดเรมีตอบว่า"ก็ แบตเตอรี่หลักของ โดเรมอนอยู่ตรงนี้ ใกล้กับกระเป๋าหน้าของเขา และไฟมันหมดแล้ว ซึ่งแต่เดิมแล้วโดเรมอนจะมีแบตเตอรี่สำรองอยู่ที่หู , แต่ว่าโนบิตะ ก็อย่างที่รู้ๆกันแหล่ะว่า หูของโดเรมอนถูกหนูแทะกินไป เมื่อหลายปีมาแล้ว ดังนั้นตอนนี้โดเรมอนก็เลยไม่มีแบตเตอรี่สำรอง"

"แล้วมันหมายความว่าอย่างไรละ" โนบิตะสงสัย

"ก็หมายความว่า ถ้าฉันเปลี่ยนแบตเตอรี่ให้โดเรมอน ความทรงจำทุกอย่างของโดเรมอนก็จะหายไป จากส่วนของหน่วยความจำนะสิ"

"อะไรนะ?????? "

"แล้วเธอยังจะให้ฉันเปลี่ยนแบตเตอรี่ให้อย่างนั้นหรือ"

โนบิตะหลับตาแล้วร้องไห้.... แต่หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็หยุดร้อง และบอกโดเรมีจังว่า

"โดเรมี, ขอบคุณนะที่อุตส่าห์มา ฉันจะดูแลโดเรมอนเอง เธอกลับไปอนาคตเถอะ"

โดเรมีจังไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรเพื่อช่วยโนบิตะดี, เธอเข้าไปกอดโนบิตะเพื่อปลอบใจ และก็กลับไปอนาคต

หลังจากโดเรมีกลับไป โนบิตะอุ้มโดเรมอนขึ้น ยกโดเรมอนวางไว้ในตู้ที่นอนของโดเรมอนตามเดิม

วัน-เวลาผ่านไป........... ปีค.ศ.2010, โนบิตะโตขึ้น ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา เขาเปลี่ยนไป เขาทุ่มเท เรียนอย่างหนัก ไม่มีการร้องไห้อีกต่อไป และเขาก็มีชีวิตอยู่โดยที่ไม่มีโดเรมอน เขาได้บอกชิซูกะและทุกๆคนว่า โดเรมอนได้กลับไปสู่อนาคตของเขาแล้ว และจะไม่สามารถได้พบกับโดเรมอนได้อีกต่อไป ชิซูกะรู้สึกประทับใจในท่าทางที่เปลี่ยนไปอย่างเหลือเชื่อของโนบิตะซึ่งแตกต่างจากเมื่อ 10 ปีก่อนอย่างสิ้นเชิง พวกเขาตกหลุมรักซึ่งกันและกัน และในที่สุด ก็ได้แต่งงานกัน... โนบิตะเติบโตเป็นนักวิทยาศาสตร์ เขาได้สร้างห้องของเขาให้กลายเป็นห้องทดลอง และทุ่มเทศึกษาอย่างหนักในงานของเขาตลอดทั้งวัน เขาได้บอกชิซูกะว่าไม่ให้เข้ามาในห้องทดลองของเขา เพราะมีสิ่งที่เป็นอันตรายอยู่มากมาย แต่แล้ววันหนึ่ง เขากลับเรียกชิซูกะให้เข้าไปในห้องของเขา ห้องทดลองซึ่งเขาเคยบอกว่าเต็มไปด้วยอันตราย มันเป็นครั้งแรกที่ชิซูกะได้เข้าไปในห้องของสามีของเธอ และเมื่อเธอเข้าไป เธอถึงกับตกใจจนพูดไม่ออก..... เพราะสิ่งที่เธอเห็น.. เพื่อนเก่าของเธอ ผู้ที่เธอเคยเล่นด้วยในวันเด็ก "โดเรมอน"

โดเรมอนไม่ได้เคลื่อนไหว มันดูเหมือนว่าเขากำลังหลับ

"ดูนะชิซูกะ ฉันจะเสียบปลั๊กเดี๋ยวนี้แหละ.."

โนบิตะเปิดสวิชส์หลักของโดเรมอน โดเรมอน ลืมตาขึ้นมาอย่างรวดเร็ว..... มันเป็นช่วงเวลาสำหรับคำถามที่ทุกคนอยากรู้ว่า "ผู้ประดิษฐ์โดเรมอน...เป็นใคร" มีคำตอบที่ชัดเจน คนนั้นคือ โนบิตะ นั่นเอง... โนบิตะเรียนอย่างหนัก และทุ่มเท เพื่อที่จะได้พบ ได้คุยกับเพื่อนเก่าของเขา "โดเรมอน" อีกครั้งหนึ่ง .............

ซึ่งในขณะนี้นั้น โนบิตะ ก็เป็นผู้ที่สร้าง โดเรมอนขึ้นมา เขาได้ค้นพบโครงสร้าง สถาปัตยกรรม และโปรแกรมทั้งหมด ของหุ่นยนต์ที่เป็นแบบฉบับของโดเรมอน โนบิตะและชิซูกะ ร้องไห้เบาๆ ด้วยความยินดี.... โดเรมอนลืมตาขึ้นมา... มองไปรอบๆ และในที่สุดก็พูดขึ้นว่า "โนบิตะ นายทำการบ้านเสร็จรึยัง?"
เมฆสีขาวก็ยังลอยล่องอยู่บนท้องฟ้า เหมือนดังวันก่อน วัน-เวลาที่พวกเขาได้ร่วมใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน.........

วันจันทร์ที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2551

รวมของวิเศษของโดเรมอนที่ใช้บ่อยๆ



1.โดเรมอนขนาดจิ๋ว เอาไว้เป็นตัวแทนโดเรมอนเวลาไม่อยู่ แต่ของวิเศษก็จิ๋วตามไปด้วย
2.หมวกก้อนหินริมทาง ถ้าสวมแล้วจะไม่มีใครสนใจ
3.นางฟ้านำทาง สวมนิ้ว คอยให้คำปรึกษา
4.ปืนอากาศ สวมแขนเป็นอาวุธ ยิงแรงอัดอากาศ ใช้บ่อยในโดเรมอนตอนพิเศษ
5.คอปเตอร์ไม้ไผ่ ติดหัวทำให้บินได้ หนึ่งในของวิเศษที่โดเรมอนใช้บ่อยที่สุด
6.ใบไม้ร่ายเวท วางไว้บนหัว เอาไว้แผ่พลังจิต
7.หมวกพลังจิต ใส่แล้วทำให้มีพลังจิต 3 แบบ
8.เรือดำน้ำ หดและขยายได้ตามขนาดของภาชนะใส่น้ำ
9.เครื่องเช็คความฝัน คอยช่วยหยิกให้รู้ว่าฝันอยู่หรือเปล่า
10.กล้องเปลี่ยนเสื้อ เปลี่ยนชุดคนตามรูปที่ใส่ลงไปในกล้อง
11.นักล้มรับจ้าง ใส่เหรียญ 10 เยนลงไป จะทำคนให้หกล้มให้
12.วงดนตรีเสริมอารมณ์ คอยเสริมอารมณ์ในทุกสถานการณ์ให้ เหมือนดนตรีประกอบหนัง
13.ไฟฉายย่อส่วนหนึ่งในของวิเศษยอดนิยมในการ์ตูน (มักใช้คู่กันกับไฟฉายขยายส่วน)
14.ประตูไปไหนก็ได้หนึ่งในของวิเศษที่โดเรมอนใช้บ่อยที่สุด
15.วุ้นแปลภาษาใช้สื่อสารกับคนที่พูดภาษาต่างด้าว ใช้กับสัตว์ก็ได้ด้วย โดเรมอนมักเอาออกมาใช้ในตอนพิเศษ
16.ขนมปังช่วยจำช่วยในการจดจำสิ่งต่างๆ ในหนังสือหรือสมุด แต่มีขนาดใหญ่จึงกินมากๆ ไม่ได้
17.ไทม์แมชชีนย้อนเวลาหาอดีตหรือไปอนาคตได้ ทางเข้าอยู่ในลิ้นชักโต๊ะในห้องโนบิตะ
18.คอปเตอร์ไม้ไผ่ติดหัวทำให้บินได้ หนึ่งในของวิเศษที่โดเรมอนใช้บ่อยที่สุด
19.หนูไม่ใช่ของวิเศษอะไร แต่เป็นสิ่งที่โดเรมอนเกลียดและกลัวที่สุด เพราะเคยถูกหนูกัดหูจนแหว่งก่อนที่จะมาอยู่กับโนบิตะ
โดรายากิอาหารโปรดของโดเรมอน
20.อุโมงค์กัลลิเวอร์ ไว้เดินผ่านเพื่อย่อขนาดตัวให้เล็กลง ถ้าต้องการกลับเป็นอย่างเดิมก็เดินกลับจากอีกข้างหนึ่ง

วันพุธที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2551

ของวิเศษของโดเรมอนที่ใช้บ่อยๆ




ไฟฉายขยายส่วน
ไฟฉายขยายส่วน ดูรายละเอียดที่ ไฟฉายขยายส่วน
ไฟฉายย่อส่วน,ลำแสงย่อส่วน [พิเศษ3] เป็นไฟฉายที่เมื่อฉายแสงไปที่วัตถุใดๆ จะมีขนาดย่อลงไปเรื่อยๆ
ตามระยะเวลาที่ฉายแสงนั้น ไฟฉายลอกคราบ [14] ใช้ลอกคราบตัวเองและใส่ลม จะได้หุ่นจำลองมาอีกร่างหนึ่ง
ไฟแช็กนักเขียนบทแสดง ถ้าเขียนสิ่งใด ๆ ใส่ลงไปในเครื่องนี้ คนก็จะทำงานให้ตามที่เขียนไว้

วันพุธที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2551

ของวิเศษของโดเรมอนที่ใช้บ่อยๆ




คัปเตอร์ไม้ไผ่
คัปเตอร์ไม้ไผ่ ทำจากไม้ไผ่ ชื่อภาษาญี่ปุ่นเรียกว่า "Take (ไม้ไผ่) Koputa (คัปเตอร์) " เมื่อจะใช้ก็นำไปวางไว้บนหัวจะทำให้สามารถบินได้ เป็นเครื่องมือที่โนบิตะและโดราเอม่อนใช้เกือบทุกตอนเพราะใช้งานง่ายและไม่ค่อยมีอันตราย สามารถบินได้ในระยะทาง 600 กม. และความเร็วประมาณ 80 กม.ต่อชม. เช่นสามารถใช้บินจากโตเกียวถึงโอซาก้าในเวลาประมาณครึ่งชม.

วันพุธที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2551

ของวิเศษของโดเรมอนที่ใช้บ่อยๆ




ประตูวิเศษ
ประตูวิเศษเป็นสิ่งของที่โดเรมอนนำมาใช้บ่อย เมื่อโดบิตะต้องการที่จะพาเพื่อนๆไปเที่ยว หรือ ต้องการไปสถานที่ต่างๆ โดบิตะ ก็จะขอให้โดเรมอน ช่วยอยู่เสมอๆ ของวิเศษชิ้นนี้หากเปิดประตูนี้ออกแล้วพูดชื่อว่าจะไปที่ไหนประตูก็จะเปิดออกไปยังสถานที่นั่นทันที ประตูเป็นประตูไม้ในแบบโบราณ เป็นเครื่องมือที่สะดวกสบายที่สุด แน่นอนว่าแฟน ๆ โดราเอม่อนต่างใฝ่ฝันถึงเครื่องมือชิ้นนี้อย่างแน่นอน เพราะเป็นระตูวิเศษที่ทุกๆคนใฝ่ฝันที่ต้องการอยากจะได้ประตูวิเศษเพื่อจะได้ไปทุกที่ๆต้องการไป

วันพฤหัสบดีที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2551

ของวิเศษของโดเรมอนที่ใช้บ่อยๆ




ทาม์แม็คชีน

ทาม์แม็คชีน เครื่องทาม์แม็คชีนเป็นพาหนะที่สามารถใช้เดินทางย้อนเวลาไปอดีต หรือ เดินทางข้ามเวลาไปสู่อนาคตได้ โดยทางเข้าและทางออกจะอยู่ในลิ้นชักโต๊ะในห้องนอนของโนบิตะ โดราเอม่อนและเพื่อนๆ สามารถใช้เดินทางไปอนาคตได้
โดเรมอนจะนำมาใช้ช่วยโดบิตะอยู่เสมอๆ ไม่ว่าจะเป็นการพาเพื่อนๆ ของโดบิตะไปเที่ยว หรือ ไปช่วยคนอื่นๆก็ตามแต่ว่าเครื่องนี้ก็ไปส่งผิดที่ผิดเวลาบ่อย ๆ

วันจันทร์ที่ 4 สิงหาคม พ.ศ. 2551

ครอบครัวของโนบิตะ


ครอบครัวโนบิตะ

อาศัยอยู่กับพ่อแม่ มีฐานะปานกลาง พ่อเป็นพนักงานบริษัทธรรมดา ส่วนแม่ของโนบิตะทำหน้าที่ดูแลบ้าน และดูแลโนบิตะ แม่ของโนบิตะจะดุโนบิตะทุกครั้งที่สอบได้คะแนน 0 หรือทุกครั้งที่โนบิตะทำของในบ้านเสียหาย โนบิตะไม่เคยได้รับของเล่นแพง ๆ จากที่บ้านเพราะฐานะทางบ้างไม่ได้ร่ำรวยอะไรมากนัก และที่โนบิตะดูน่าสงสาร ก็เพราะไม่ใช่เรื่องยากจน (ในปัจจุบัน) แต่เป็นเพราะนิสัยเกียจคร้าน ขี้แย ของโนบิตะเองนั่นแหละ ที่ทำให้อนาคตยากจนลง (ถ้าดูอัลบั้มรูปดีๆ จะเห็นว่า ก่อนที่ครอบครัวของโนบิตะจะล้มละลายนั้น มีทุนไปตั้งบริษัทของตัวเอง หลังจากที่สมัครงานไม่ได้ด้วย ซึ่งถ้าหากเป็นเงินกู้ แปลว่าครอบครัวของโนบิตะ น่าจะมีสินมรัพย์ค้ำประกันพอสมควรเลยล่ะ)

วันจันทร์ที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2551

ประวัติเดคิซุงิ



"เดคิซุงิ"


เป็นเด็กชายที่ตรงกันข้ามกับโนบิตะทุกเรื่อง เขาเป็นเด็กที่เรียกว่าเก่งรอบตัว
ได้ที่ 1 ทั้งเรื่องเรียน และกีฬา แถมยังนิสัยดีมากอีกด้วย และยังเป็นที่ชื่นชอบของสาว ๆ
อีกด้วย จะแพ้ก็แต่ซูเนโอะเท่านั้นในเรื่องสาว ๆ เพราะว่าซูเนโอะมักจะซื้อของขวัญแพง ๆ
ให้เพื่อนหญิงเสมอ เดคิซุงิเป็นเพื่อนที่ดีของชิซูกะ และชิซูกะก็ชอบไปเรียนพิเศษกับเดคิซุงิเสมอ
<ทำให้โนบิตะอิจฉา>

วันจันทร์ที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2551

ประวัติโดเรมี่




Dorami


โดเรมี่ คือน้องสาวของ โดราเอมอน โดเรมี่
มีความสามารถทั้งหมดที่ โดราเอมอน
มี รวมถึงกระเป๋าเสื้อหรือกางเกงความกว้างยาวที่สี่
เธอนิสัยดี และไม่บูดบึ้งเท่ากับโดราเอมอน
เธอไม่ได้อยู่กับ โนบิตะ และ โดราเอมอน
เธออยู่กับเจ้านายที่เป็นต้นฉบับของโดราเอมอนในศตวรรษที่ 22
เธอเพียงแค่ปรากฏในสถานการณ์ที่โดราเอมอน ไม่สามารถควบคุมได้

วันศุกร์ที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2551

ประวัติซูเนโอะ





ซูเนโอะ



ถูกสร้างขึ้นโดยมีจิตนาการให้มีหน้าตาคล้ายสุนัขจิ้งจอก ปากแหลม
เขาชอบคุยโวให้เพื่อน ๆ ฟังเกี่ยวกับชีวิตส่วนตัวของเขาถึงฐานะทางบ้าน
และซูเนโอะยังเป็นผู้รอบรู้ในเรื่องต่าง ๆ อย่างละเอียดอีกด้วย เขาได้ทุกสิ่งที่เพื่อนๆ
กำลังอยากได้อย่างยากเย็น ในขณะที่เขาจะมีทุกอย่างอยู่แล้วเพราะเขาเป็นเด็กชาย
ที่จะเรียกว่าคุณชายเลยทีเดียว และมักเอาขอบเล่นแพง ๆ มาอวดเพื่อนและสุดท้ายก็โดน
ไจแอนท์แย่งไปทุกครั้ง ซูเนโอะเป็นเพื่อนสนิทกับไจแอ้นท์ และชอบรังแกโนบิตะ ซูเนโอะยังคอยเป่าหูไจแอนท์ให้รังแกโนบิตะเสมอ และยังแอบหลงรักชิซูกะอีกด้วย แต่ซูเนโอะก็มีนิสัยดีอยู่บ้าง




วันอังคารที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2551

ประวิติชิซูกะ





"ชิซุกะ"

ชิซุกะเป็นเด็กผู้หญิงคนเดียวในกลุ่ม อาจจะเรียกได้ว่าเป็นนางเอกของการ์ตูนโดราเอมอน ปกติจะใส่เสื้อชมพู กระโปรงสั้นสีชมพู มีนิสัยใจดี มีความกระตือรือร้น เก่งเรื่องวาดภาพ เย็บปักถักร้อย เรียบร้อย โอมอ้อมอารี และการทำคุกกี้ แต่ที่ชอบที่สุดคือ "การอาบน้ำ" ซึ่งทำให้ในเรื่องมักจะมีฉากตอนที่เจอชิซุกะกำลังอาบน้ำโดยไม่ได้บังเอิญหลายหน สิ่งเดียวที่ไม่เก่งและชอบคือ "ไวโอลิน" ซึ่งเสียงไวโอลินของชิซุกะนั้น เทียบเท่ากับเสียงร้องเพลงของ ไจแอนท์ เลยทีเดียว ชิซุกะเป็นที่หมายปองของเด็กชายในห้องเรียน โนบิตะมีความฝันที่จะได้แต่งงานกับเธอในอนาคต ชิซุกะ ชอบทานแพนเค้กมาก ดังจะเห็นได้จากตอนพิเศษหลายๆ ตอน ชิซุกะจะทานแต่แพนเค้กเสียส่วนใหญ่ แต่จริงๆ แล้วอาหารที่เธอชื่นชอบที่สุดคือ "มันเผา" ซึ่ง ชิซุกะนั้นมีความใฝ่ฝันที่จะได้กินมันเผากองโตเท่าภูเขา แต่นี่ก็เป็นความลับที่ชิซุกะไม่อยากให้เพื่อนๆ คนอื่นๆ รู้ เพราะความอาย ชิซุกะมักจะไม่ค่อยชอบเล่นเปียโนเท่าไหร่ เธอมักจะถูกแม่บังคับให้เธอเรียนเปียโนทุกครั้ง


วันจันทร์ที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2551

ประวัติโนบิตะ





Nobita :
โนบิตะ โนบิตะ เป็นตัวละครหลักของเรื่อง เป็นเด็กผู้ชายขี้แยคนนึง
เป็นคนไม่เอาถ่าน อ่อนแอ ไม่เคยพึ่งพาตนเอง เรียนหนังสือไม่เก่ง สอบได้ 0 บ่อยๆ
มาโรงเรียนสายประจำ ถูกทำโทษบ่อยครั้ง ถือว่าเป็นตัวละครที่แย่มากๆ
โนบิตะหลงรักชิซูกะ ซึ่งอยู่ในวัยเดียวกัน มีความหวังที่จะได้แต่งงานด้วยเมื่อเขาโตขึ้น
แต่ก็มักจะมีอุปสรรค และมีคู่แข่งหลายคนเนื่องจากชิซูกะ เป็นเด็กน่ารัก
และด้วยความอ่อนแอของโนบิตะเอง แต่โนบิตะ ได้เพื่อนรักคือโดเรม่อนคอยช่วยเหลือ
ทำให้เขามีความมั่นใจมากขึ้น

วันพฤหัสบดีที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2551

ประวัติโดเรมอน


(โดเรมอน)


เป็นหุ่นยนต์จากโลกอนาคต


ชื่อโดราเอมอน มาจากคำว่า โดราเนโกะ แปลว่า แมวหลงทางเอมอน เป็นคำเรียกต่อท้ายชื่อของเด็กชายในสมัยก่อนโดราเอมอนยังมีชื่ออีกชื่อหนึ่งว่า ดังดองเกิดเมื่อวันที่ 3 กันยายน พ.ศ.2655 หนัก 129.3 กก. สูง 129.3 ซม.กระโดดได้สูง 129.3 ซม. และยังวิ่งได้เร็วถึง 129.3 กม. / ชม. โดราเอมอนรูปร่างเหมือนแมวตัวอ้วนกลมตัวหนึ่งถูกส่งมาเพื่อคอยช่วยเหลือโนบิตะของโปรดของ โดราเอมอนคือ ขนมแป้งทอด หรือ Doriyaki หนูเป็นศัตรู ที่ร้ายกาจของโดราเอมอน เพราะหูของโดราเอมอนถูกหนูกัดขาดมีน้องสาวชื่อโดเรมี โดเรมอนมีกระเป๋า 4 มิติ ที่เชื่อมโยงระหว่างโลกปัจจุบันและอนาคตได้ ในนั้นเต็มไปด้วยของวิเศษมากมาย ซึ่งจริงๆแล้วเป็นแค่ของเล่น ของเด็กๆ
ในอนาคตเท่านั้นเองของวิเศษเหล่านี้ ช่วยให้ ชีวิตประจำวันของโนบิตะดีขึ้น ไม่ต้องถูกรังแก แต่โนบิตะมักจะใช้ไปในทางที่ไม่ถูกต้องบ่อยๆ และก็มักจะหาเรื่องวุ่นวายมาให้โดเรมอนบ่อยๆด้วย ทำให้เกิดความ วุ่นวายโกลาหลเพื่อนๆของโนบิตะก็เป็นเพื่อนกับโดเรมอนเหมือนกันทุกคนรักโดเรมอนและมักจะมาเล่นสนุกกับ เครื่องมือ ต่างๆที่โดเรมอนเอาออกมาใช้เสมอ

วันอังคารที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2551

ประวัติผู้แต่งโดเรมอน

ชื่อ : อ.ฟุจิโมโตะ ฮิโรชิ
เกิด : 1 ธันวาคม 1933
ที่เกิด : เมืองทากาโอกะ จังหวัดโทยามะ
ประวัติ : ชีวิตการเป็นนักเขียนการ์ตูนของท่าน เริ่มต้นเมื่อปี 1944 อาบิโกะ โมโตโอะ เด็กวัยรุ่นๆ เดียวกับท่าน ย้ายมาอยู่ที่เมือง ทากาโอกะ ทั้งคู่ได้รู้จักกันจากการเรียนชั้นเดียวกันตอนเรียนป5 ในปี 1946 ทั้งคู่ได้เลือกเรียนในโรงเรียนช่าง เทคนิคด้วยกัน ทั้งคู่เรียนสาขาไฟฟ้าเหมือนกัน และร่วมกันทำโปรเจคท์ สร้างเครื่องฉายภาพขึ้นมา และเอาการ์ตูนต่างๆ มาฉายโชว์ไป เป็นที่ฮือฮาของเด็กในละแวกนั้น

ในปี 1947 ทั้งคู่ได้อ่านการ์ตูนเรื่อง "ชินทาการะจิมะ" (เกาะมหาสมบัติใหม่) ของ อ.โอซามุ เทะซึกะ นั่นเป็นการ์ตูนที่ทำให้ทั้งคู่เกิดแรงบันดาลใจอยากเป็นนักเขียนการ์ตูน ทั้งคู่เริ่มเขียนการ์ตูนออกมา และพิมพ์จำหน่ายในละแวกบ้านเกิด ทั้งคู่เริ่มเขียนการ์ตูนมาเรื่อย เริ่มสะสมชื่อเสียงมาทีละน้อย เมื่อเริ่มมีคนรู้จัก ทั้งคู่ก็ย้ายออกจากโทยามะ มาอยู่ ในเมืองใหญ่อย่างเกียวโต

ปี 1963 ทั้งคู่ได้ร่วมกับนักเขียนไฟแรงอีกหลายคนในยุคนั้น อาทิ อิชิโนโมริ โชทาโร่, สึโนดะ ชิโร่ ฯลฯ ร่วมกันสร้าง
"STUDIO ZERO" ซึ่งเป็นสตูดิโอที่รับทำงานด้านอะนิเมขึ้นมา แต่ทั้งอ.ฟุจิโมโตะกับ อ.อาบิโกะ ก็ยังคงมีงานหนังสือการ์ตูน
ออกมาเรื่อยๆ ในหลายๆนามปากกา อาทิ อาชิสึกะ ฟุจิโอะ ในปี 1953 และชื่อ ฟุจิโกะ ฟุจิโอะ นั้นเริ่มใช้ในปี 1954 โดยแบ่งเป็น FUJIKO-F. FUJIO หมายถึง อ.ฟุจิโมโตะ ฮิโรช ิ และ FUJIKO-FUJIO A หมายถึง อ.อาบิโกะ โมโตโอะ

ในปี 1970 ทั้งคู่ก้ร่วมกันสร้างงานประวัติศาสตร์ "โดราเอมอน" ขึ้นมา ยุครุ่งเรืองก็ดำเนินเรื่อยมา

ในปี 1988 ทั้งคู่ก็ยุติการใช้ชื่อ ฟุจิโกะ ฟุจิโอะ และ อ.ฟุจิโมโตะ ก็ยุติบทบาทการเป็นนักเขียนการ์ตูนนับแต่ นั้นมา อ.ฟุจิโมโตะ ถึงแก่กรรมเมื่อวันที่ 23 กันยายน 1966